การเอาพิษออกด้วยวิธีการสวน เป็นการทำความสะอาดอวัยวะภายใน
โดยใช้น้ำต่างๆ ตามเหมาะสม
เช่น น้ำกาแฟ น้ำมะขามเปียก น้ำมะนาว น้ำสมุนไพร เช่น ลูกใต้ใบ (ช่วยเกี่ยวกับตับ) การสวนช่วยให้ร่างกายมีภูมิต้านทานดีขึ้น บางท่านคิดว่า ตนเองถ่ายทุกวันอยู่แล้ว ไม่ต้องสวน เพราะเข้าใจว่าดีท๊อกซ์ คือการสวนเอาอุจจาระออก แต่ที่จริงแล้ว การทำดีท๊อกซ์นั้น เพื่อระบายพิษออกจากร่างกาย เป็นการทำความสะอาดลำไส้ใหญ่และตับการสวน ได้ระบายอุจจาระไปพร้อมกัน อันเป็นผลพลอยได้ |
อุปกรณ์สำหรับทำดีท๊อกซ์
1.หม้อสวน (รวมสาย,หัวสวน)
2. ถุงสวน หรือ
3. ขวดสวน ทำเองได้ ล้างง่าย ผึ่งแห้งง่าย ประโยชน์สูง-ประหยัดสุด
1.หม้อสวน (รวมสาย,หัวสวน)
2. ถุงสวน หรือ
3. ขวดสวน ทำเองได้ ล้างง่าย ผึ่งแห้งง่าย ประโยชน์สูง-ประหยัดสุด
น้ำสำหรับดีท๊อกซ์
1. น้ำกาแฟ ใช้กาแฟคั่วบริสุทธิ์ (ไม่ปรุงแต่ง) 2 ช้อนโต๊ะ (ถ้าบางท่านเห็นว่ามากไปอาจใช้
2 ช้อนชา) ต้มกับน้ำ 1 ลิตรครึ่ง (1,500 ซีซี สำหรับผู้ชายร่างใหญ่) หรือน้ำ 800-1,200 ซีซี
สำหรับผู้หญิง ต้มจนน้ำเดือดแล้วกรองเอาแต่น้ำ รอจนน้ำอุ่น ประมาณ 37 องศาเซลเซียสเท่ากับอุณหภูมิร่างกาย จึงใช้สวน อย่าใช้น้ำกาแฟร้อนจัดสวน อาจแช่ภาชนะที่ใสน้ำกาแฟในน้ำเย็น
เพื่อช่วยคลายความร้อนก็ได้ ถ้าน้ำกาแฟเย็นเกินไปจะมวนท้อง
อีกวิธีหนึ่ง ต้มน้ำเปล่า 800-1,500 ซีซี ให้เดือดใส่กาแฟคั่วป่นบริสุทธิ์ 2 ช้อนโต๊ะ ลงไปต้ม
3-5 นาที แล้วใช้ไฟอ่อนๆ เคี่ยวคาเฟอีนต่อ 15 นาที กรองกากออก ทิ้งไว้ให้อุ่น จึงใช้สวน
หรืออาจใช้น้ำ 300 ซีซี กาแฟ 2 ช้อนโต๊ะ ต้มให้เดือดลดไฟให้อ่อนลง เคี่ยวต่อจนน้ำ
เหลือประมาณ 200-250 ซีซี จะได้น้ำหัวเชื้อกาแฟ กรองเอากากทิ้ง เก็บหัวเชื้อไว้ในตู้เย็น
ตอนจะสวน เอาหัวเชื้อผสมกับน้ำอุ่น 600-1,000 ซีซี อาจเก็บหัวเชื้อกาแฟไว้ในกระติกน้ำร้อน
ใช้สวน(ผสมน้ำกะให้อุ่น) ระหว่างเดินทางไกล ซึ่งมักอึดอัดแน่นท้อง เพราะนั่งนาน ถ่ายลำบาก
2. น้ำส้มมะขาม ส้มมะขาม 1 กำมือ ต้มกับน้ำ 800-1,500 ซีซี จนเดือด กรองเอาแต่น้ำ
รอจนน้ำอุ่นจึงสวน
3. น้ำมะนาว มะนาว 3-5 ลูก คั้นน้ำ กรองกากและเมล็ดออก ผสมน้ำอุ่นตามขนาดที่จะใช้สวน
4. น้ำลูกใต้ใบ ซองสำเร็จรูป ใช้2-3 ซอง ต้มกับน้ำ 800-1,500 ซีซี จนเดือด กรองเอาแต่น้ำ
รอจนอุ่นจึงใช้สวน
ต้นสด ใช้ต้นสูง 1- 1ฟุตครึ่ง 3 ต้น มัดเป็นกำต้มกับน้ำ 800-1,500 ซีซี จนเดือดกรองเอาแต่น้ำ
รอจนน้ำอุ่นจึงใช้สวน
1. น้ำกาแฟ ใช้กาแฟคั่วบริสุทธิ์ (ไม่ปรุงแต่ง) 2 ช้อนโต๊ะ (ถ้าบางท่านเห็นว่ามากไปอาจใช้
2 ช้อนชา) ต้มกับน้ำ 1 ลิตรครึ่ง (1,500 ซีซี สำหรับผู้ชายร่างใหญ่) หรือน้ำ 800-1,200 ซีซี
สำหรับผู้หญิง ต้มจนน้ำเดือดแล้วกรองเอาแต่น้ำ รอจนน้ำอุ่น ประมาณ 37 องศาเซลเซียสเท่ากับอุณหภูมิร่างกาย จึงใช้สวน อย่าใช้น้ำกาแฟร้อนจัดสวน อาจแช่ภาชนะที่ใสน้ำกาแฟในน้ำเย็น
เพื่อช่วยคลายความร้อนก็ได้ ถ้าน้ำกาแฟเย็นเกินไปจะมวนท้อง
อีกวิธีหนึ่ง ต้มน้ำเปล่า 800-1,500 ซีซี ให้เดือดใส่กาแฟคั่วป่นบริสุทธิ์ 2 ช้อนโต๊ะ ลงไปต้ม
3-5 นาที แล้วใช้ไฟอ่อนๆ เคี่ยวคาเฟอีนต่อ 15 นาที กรองกากออก ทิ้งไว้ให้อุ่น จึงใช้สวน
หรืออาจใช้น้ำ 300 ซีซี กาแฟ 2 ช้อนโต๊ะ ต้มให้เดือดลดไฟให้อ่อนลง เคี่ยวต่อจนน้ำ
เหลือประมาณ 200-250 ซีซี จะได้น้ำหัวเชื้อกาแฟ กรองเอากากทิ้ง เก็บหัวเชื้อไว้ในตู้เย็น
ตอนจะสวน เอาหัวเชื้อผสมกับน้ำอุ่น 600-1,000 ซีซี อาจเก็บหัวเชื้อกาแฟไว้ในกระติกน้ำร้อน
ใช้สวน(ผสมน้ำกะให้อุ่น) ระหว่างเดินทางไกล ซึ่งมักอึดอัดแน่นท้อง เพราะนั่งนาน ถ่ายลำบาก
2. น้ำส้มมะขาม ส้มมะขาม 1 กำมือ ต้มกับน้ำ 800-1,500 ซีซี จนเดือด กรองเอาแต่น้ำ
รอจนน้ำอุ่นจึงสวน
3. น้ำมะนาว มะนาว 3-5 ลูก คั้นน้ำ กรองกากและเมล็ดออก ผสมน้ำอุ่นตามขนาดที่จะใช้สวน
4. น้ำลูกใต้ใบ ซองสำเร็จรูป ใช้2-3 ซอง ต้มกับน้ำ 800-1,500 ซีซี จนเดือด กรองเอาแต่น้ำ
รอจนอุ่นจึงใช้สวน
ต้นสด ใช้ต้นสูง 1- 1ฟุตครึ่ง 3 ต้น มัดเป็นกำต้มกับน้ำ 800-1,500 ซีซี จนเดือดกรองเอาแต่น้ำ
รอจนน้ำอุ่นจึงใช้สวน
**ทำไมต้องสวนด้วยน้ำกาแฟและมะนาว***
การสวนท้องให้ปลอดภัย สิ่งที่ใส่เข้าไปนั้นต้องให้มีสภาพเป็นกรด เพราะลำไส้ใหญ่ปกติจะมีสภาพเป็นกรด การสวนด้วยกาแฟมี pH = 5 มะนาวมี pH=2 นั้นถูกต้องแล้ว การสวนด้วยกาแฟจะไปเอาพิษออกจากตับ แต่การสวนด้วยมะนาวไปทำความสะอาดลำไส้ใหญ่ได้ดีกว่า เนื่องจากมีความเป็นกรดมากกว่า จะช่วยเร่งการบีบตัว เอาของสกปรกในลำไส้ใหญ่ออกได้ดีกว่า จะใส่น้ำมะนาวมากน้อยแล้วแต่สภาพท้องผูกของแต่ละบุคคล หรือผสมเข้าไปทั้งสองอย่างเลย ก็ไม่เสียหายอะไรเพราะเป็นกรดด้วยกันทั้งสองอย่าง และก็แยกหน้าที่กันไปทำงานคนละจุด
การสวนท้องให้ปลอดภัย สิ่งที่ใส่เข้าไปนั้นต้องให้มีสภาพเป็นกรด เพราะลำไส้ใหญ่ปกติจะมีสภาพเป็นกรด การสวนด้วยกาแฟมี pH = 5 มะนาวมี pH=2 นั้นถูกต้องแล้ว การสวนด้วยกาแฟจะไปเอาพิษออกจากตับ แต่การสวนด้วยมะนาวไปทำความสะอาดลำไส้ใหญ่ได้ดีกว่า เนื่องจากมีความเป็นกรดมากกว่า จะช่วยเร่งการบีบตัว เอาของสกปรกในลำไส้ใหญ่ออกได้ดีกว่า จะใส่น้ำมะนาวมากน้อยแล้วแต่สภาพท้องผูกของแต่ละบุคคล หรือผสมเข้าไปทั้งสองอย่างเลย ก็ไม่เสียหายอะไรเพราะเป็นกรดด้วยกันทั้งสองอย่าง และก็แยกหน้าที่กันไปทำงานคนละจุด
การทาหัวสวน
-ถ้าเป็นไปได้ใช้วิตามิน E ชนิดบรรจุแคปซูล ใช้น้ำมันวิตามินอีทาหัวสวนหรือปลายท่อถุงสวน
เพื่อการหล่อลื่น สวนง่าย
-เค วาย เจลลี่ (K-Y jelly)หรือเจลลี่ที่ทำจากว่านหางจระเข้ (ใช้วุ้นว่างหางจระเข้าทาหัวสวนก็ได้)
-สบู่ วาสลิน ถ้าใช้ประจำไม่แนะนำให้ใช้ ถ้าแก้ขัดบางครั้งพอได้ เพราะถ้าใช้ติดต่อกันนานๆ อาจแพ้ และอักเสบที่รูทวาร
-ถ้าเป็นไปได้ใช้วิตามิน E ชนิดบรรจุแคปซูล ใช้น้ำมันวิตามินอีทาหัวสวนหรือปลายท่อถุงสวน
เพื่อการหล่อลื่น สวนง่าย
-เค วาย เจลลี่ (K-Y jelly)หรือเจลลี่ที่ทำจากว่านหางจระเข้ (ใช้วุ้นว่างหางจระเข้าทาหัวสวนก็ได้)
-สบู่ วาสลิน ถ้าใช้ประจำไม่แนะนำให้ใช้ ถ้าแก้ขัดบางครั้งพอได้ เพราะถ้าใช้ติดต่อกันนานๆ อาจแพ้ และอักเสบที่รูทวาร
การนอนระหว่างสวน
- การสวนในท่านอนตะแคงขวา การสวนกาแฟ นอนตะแคงขวา (เอาสะโพกขวาลงพื้น) บนผ้าหรือเสื่อ เหยียดขาขวาตรง งอเข่าซ้ายขึ้นมาหาหน้าอกในท่าเหมือนกอดหมอนข้าง จะหนุนหมอนเพื่อความสบายก็ได้ สอดหัวสวนเข้าที่รูทวารลึก 8-15 ซม. ตอนแรกจะสอดเข้าได้ไม่ลึก มีเทคนิคคือ ระหว่างนอนปล่อยน้ำดีท๊อกซ์ ให้ค่อยๆ ขยับสายสวนลึกเข้าไป - การสวนในท่านอนหงาย ท่านี้เรียกว่า “ท่าลิโท” เป็นท่าที่ใช้เวลาคลอดลูก นับเป็น ท่าทะมัดทะแมงที่สุด การสวนกาแฟเจ้าของต้องจัดการกับตัวเอง การเลือกสวน ท่านี้ให้ความถนัดขณะเดียวกัน กาแฟก็ไม่อออยู่ในอุ้งเชิงกรานนาน สามารถเอ่อท้น ไปยังลำไส้ท่อนที่ 3 ได้ง่าย จึงปวดถ่วงแต่น้อย เมื่อน้ำกาแฟไหลเข้าหมดแล้ว ปลดสายออก แล้วค่อยนอนตะแคงขวา น้ำกาแฟก็ไหลไปยังท่อนที่ 2 และ 1 ได้สะดวก ท่านี้จึงนับวันยิ่งเป็นที่นิยมมากขึ้นทุกที - การสวนในท่านอนตะแคงซ้าย เป็นท่าคลาสสิกที่พยาบาลใช้สวนอุจจาระผู้ป่วย เรียกท่านี้ว่า Left Sim’s Position คือนอนตะแคงซ้าย คุดคู้ งอสะโพก งอเข่า เอาเข่าจรดอก ตัวงอเหมือนกุ้ง ท่านี้อำนวยให้พยาบาลซึ่งเข้าหาผู้ป่วยที่นอนอยู่บนเตียงจากทางด้านขวาของเตียง แล้วใช้มือขวาจับหัวสวนสอดเข้าทวารผู้ป่วยได้สะดวกที่สุด เมื่อเอาท่านี้มาประยุกต์ใช้สวนกาแฟ ให้ตนเอง ท่านี้ทำได้ไม่ถนัดนัก แต่ข้อดีก็คือ น้ำกาแฟจะไม่อออยู่ตรงอุ้งเชิงกรานให้เกิดความ ปวดถ่าย เพราะสามารถไหลไปยังลำไส้ท่อนที่ 3 ทันที ท่านี้เหมาะสำหรับคนที่กลั้นไม่เก่ง เมื่อน้ำเข้าไปหมดแล้วจึงค่อยหันไปนอนตะแคงขวา เพื่อให้น้ำกาแฟไหลผ่านไปยังท่อนที่ 2 และ 1 ได้เลย |
ขั้นตอนปฏิบัติ
1.แขวนหม้อสวน ถุงสวน หรือขวดสวน (อย่างใดอย่างหนึ่ง) ที่ตะปู ก้นขวดสูงจากพื้น 2-3 ฟุต
ไม่เกิน 1เมตร (ถ้าสูงมากความดันจะมากเกินไปน้ำไหลเร็ว กลั้นไม่ค่อยอยู่) ปิดวาล์วที่สายยาง
ก่อนใส่น้ำดีท๊อกซ์ตามเหมาะสม 800-1,500 ซีซี
2. เปิดวาล์วให้น้ำไล่อากาศในสายยางจนหมด โดยดูที่น้ำจะเต็มสายยางแล้วปิดวาล์ว (ถ้าอากาศ
เข้าไปในท้อง ทำให้อึดอัด กลั้นไม่ได้นาน
3.นอนตะแคงขวา (สะโพกขวามลงพื้น) ขาขวาเหยียดตรง ขาซ้ายงอขึ้นมาหาอกเหมือนกอดหมอนข้าง
4. สอดหัวสวน ทาน้ำมันหล่อลื่น เช่น วิตามินอี ว่างหางจระเข้ หรือวาสลิน แล้วสอดเข้าไปในทวารลึกประมาณ 8-15 ซม.
5.เปิดวาล์วปล่อยดีท๊อกซ์จนหมด หายใจลึกๆผ่อคลาย
6. นอนหงาย ใช้ส้นมือนวดท้องทวนเข็มนาฬิกา อั้นน้ำดีท๊อกซ์ 10-15 นาที จึงไปห้องน้ำ
7. หลังดีท๊อกซ์ ควรดื่มน้ำผลไม้ (ไม่ใส่น้ำตาล) เช่น ฝรั่ง มะละกอ ชมพู่ เสาวรส เชอรี่ ฯลฯ
ร่างกายจะดูดซึมได้ดี ทำให้กระปรี้กระเปร่า
1.แขวนหม้อสวน ถุงสวน หรือขวดสวน (อย่างใดอย่างหนึ่ง) ที่ตะปู ก้นขวดสูงจากพื้น 2-3 ฟุต
ไม่เกิน 1เมตร (ถ้าสูงมากความดันจะมากเกินไปน้ำไหลเร็ว กลั้นไม่ค่อยอยู่) ปิดวาล์วที่สายยาง
ก่อนใส่น้ำดีท๊อกซ์ตามเหมาะสม 800-1,500 ซีซี
2. เปิดวาล์วให้น้ำไล่อากาศในสายยางจนหมด โดยดูที่น้ำจะเต็มสายยางแล้วปิดวาล์ว (ถ้าอากาศ
เข้าไปในท้อง ทำให้อึดอัด กลั้นไม่ได้นาน
3.นอนตะแคงขวา (สะโพกขวามลงพื้น) ขาขวาเหยียดตรง ขาซ้ายงอขึ้นมาหาอกเหมือนกอดหมอนข้าง
4. สอดหัวสวน ทาน้ำมันหล่อลื่น เช่น วิตามินอี ว่างหางจระเข้ หรือวาสลิน แล้วสอดเข้าไปในทวารลึกประมาณ 8-15 ซม.
5.เปิดวาล์วปล่อยดีท๊อกซ์จนหมด หายใจลึกๆผ่อคลาย
6. นอนหงาย ใช้ส้นมือนวดท้องทวนเข็มนาฬิกา อั้นน้ำดีท๊อกซ์ 10-15 นาที จึงไปห้องน้ำ
7. หลังดีท๊อกซ์ ควรดื่มน้ำผลไม้ (ไม่ใส่น้ำตาล) เช่น ฝรั่ง มะละกอ ชมพู่ เสาวรส เชอรี่ ฯลฯ
ร่างกายจะดูดซึมได้ดี ทำให้กระปรี้กระเปร่า
***บุคคลที่ห้ามดีทอกซ์แบบสวน***
1.เด็กในวัยเจริญเติบโต
2.หญิงมีครรภ์
3. คนแพ้กาแฟ เช่น มีก้อนมะเร็งลำไส้ใหญ่หายสนิท ให้แน่ใจ ก็ประมาณ 1 เดือนครึ่ง
4. คนที่มีลำไส้อุดตัน เช่นมีก้อนมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่รอการผ่าตัด
5. คนที่ผ่าตัดลำไส้มาใหม่ๆ ควรรอให้แผลผ่าตัดลำไส้ใหญ่หายสนิท ให้แน่ใจก็ประมาณ 1 เดือนครึ่ง
6.คนที่ผ่าตัดลำไส้เปิดออกทางหน้าท้อง
7. คนที่ฉายแสงบริเวณอุ้งเชิงกราน ขณะนั้นลำไส้ใหญ่อาจถูกแสงมีอาการอักเสบ บวม ท้องเสีย
8. คนที่มีบาดแผลทางทวารหนัก
9. ผู้ป่วยโรคหัวใจ
10. ผู้ป่วยโรคความดัน ถ้าควบคุมความดันได้ จะทำก็ได้ โดยลองทีละนิดหรือใช้น้ำมะนาวก่อน
เพราะมะนาวจะไม่กระตุ้นให้ความดันเพิ่มขึ้น
หมายเหตุ : บางกรณีผู้รู้วิธีทำ สามารถทำได้ เช่น ผู้ที่ผ่าตัดลำไส้เปิดทางหน้าท้อง บางท่านสามารถสวนกาแฟได้ หรือ เด็กถ้าหากมีโรคภัยไข้เจ็บมาก ผู้ใหญ่ที่รู้วิธีก็สามารถสวนกาแฟให้เด็กได้
1.เด็กในวัยเจริญเติบโต
2.หญิงมีครรภ์
3. คนแพ้กาแฟ เช่น มีก้อนมะเร็งลำไส้ใหญ่หายสนิท ให้แน่ใจ ก็ประมาณ 1 เดือนครึ่ง
4. คนที่มีลำไส้อุดตัน เช่นมีก้อนมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่รอการผ่าตัด
5. คนที่ผ่าตัดลำไส้มาใหม่ๆ ควรรอให้แผลผ่าตัดลำไส้ใหญ่หายสนิท ให้แน่ใจก็ประมาณ 1 เดือนครึ่ง
6.คนที่ผ่าตัดลำไส้เปิดออกทางหน้าท้อง
7. คนที่ฉายแสงบริเวณอุ้งเชิงกราน ขณะนั้นลำไส้ใหญ่อาจถูกแสงมีอาการอักเสบ บวม ท้องเสีย
8. คนที่มีบาดแผลทางทวารหนัก
9. ผู้ป่วยโรคหัวใจ
10. ผู้ป่วยโรคความดัน ถ้าควบคุมความดันได้ จะทำก็ได้ โดยลองทีละนิดหรือใช้น้ำมะนาวก่อน
เพราะมะนาวจะไม่กระตุ้นให้ความดันเพิ่มขึ้น
หมายเหตุ : บางกรณีผู้รู้วิธีทำ สามารถทำได้ เช่น ผู้ที่ผ่าตัดลำไส้เปิดทางหน้าท้อง บางท่านสามารถสวนกาแฟได้ หรือ เด็กถ้าหากมีโรคภัยไข้เจ็บมาก ผู้ใหญ่ที่รู้วิธีก็สามารถสวนกาแฟให้เด็กได้
ที่มา : รู้วิธีดีท๊อกซ์
"พบกับ Blog รูปโฉมใหม่ของบ้านสุขภาพเขาใหญ่และบ้านสุขภาพปทุมธานี ได้ที่ http://บ้านสุขภาพล้างพิษตับ.blogspot.com/"
"พบกับ Blog รูปโฉมใหม่ของบ้านสุขภาพเขาใหญ่และบ้านสุขภาพปทุมธานี ได้ที่ http://บ้านสุขภาพล้างพิษตับ.blogspot.com/"